วันเสาร์ที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2555

ประวัติโดยย่อ

ชื่อ น.ส.คัทลียา อุทก  ชื่อเล่นนัท   

รหัสนิสิต 53010123011  สาขาการพัฒนาชุมชน  ปี 2

ระบบพิเศษ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์             
 ที่อยู่ 326  หมู่ที่ 3  ต.พนมไพร  อ.พนมไพร  จ.ร้อยเอ็ด

การศึกษา อนุบาลที่โรงเรียนกมลวิทยา ประถมศึกษาโรงเรียนเมืองพนมไพร  มัธยมศึกษาที่โรงเรียนพนมไพรวิทยาคาร

มีน้อง 2 คน ชื่อ เอี่ยว กับ เนี้ยบ

วันว่างๆ ชอบทำอาหารมากค่ะ เลยเกิดมาอ้วน

เรื่อง รอบรู้เรื่องอนามัยและสวัสดิการ

เรื่อง  รอบรู้เรื่องอนามัยและสวัสดิการ
                ปัจจุบันมีการเน้นเรื่องสุขภาพอนามัยและสวัสดิการจากภาครัฐเป็นอย่างดี  แต่เราอาจจะไม่เล็งเห็นความสำคัญของข้อมูลเหล่านี้   เพราะอาจจะคิดว่าไม่เป็นไรหรอก  เราไม่ค่อยป่วย หรือไม่ก็  ถึงเวลาก็มีคนมาแนะนำเองแหละ  จึงทำให้เราละเลยเรื่องสุขภาพและสวัสดิการ บางที่สารสนเทศอาจไม่สามารถเข้าไม่ถึงหรือไม่สนใจบ้าง ดิฉันจึงได้ศึกษาข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติ ที่ได้ดำเนินการสำรวจข้อมูลด้านอนามัยและสวัสดิการมาอย่างต่อเนื่อง  ตั้งแต่ พ.ศ.2517  ซึ่งการสำรวจในปี พ.ศ.2554   นี้เป็นการสำรวจครั้งที่ 17 โดยเก็บข้อมูลจากครัวเรือนตัวอย่าง   ประมาณ 26,500 ครัวเรือนในทุกจังหวัดทั่วประเทศ  ทั้งในเขตเทศบาลและนอกเขตเทศบาล ในเดือนมีนาคม พ.. 2554  จึงเป็นข้อมูลที่น่าศึกษาไว้เพื่อประกอบเป็นความรู้ไว้ใช้ในชีวิตประจำวัน   การสำรวจอนามัยและสวัสดิการ มีวัตถุประสงค์เพื่อรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับหลักประกันด้านสุขภาพการเจ็บป่วย  การไปรับบริการสาธารณสุข  และข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ ซึ่งสรุปผลการสำรวจได้ดังนี้
               
สวัสดิการค่ารักษาพยาบาล

เราเคยได้ติดตามกันบ้างไหมคะว่าปัจจุบันนี้สวัสดิการเกี่ยวกับค่ารักษาพยาบาลในประเทศของเราอยู่ที่มาตรฐานใดปัจจุบันคนไทยมีสวัสดิการค่ารักษาพยาบาลเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยจะแยกออกเป็นสวัสดิการค่ารักษาพยาบาล  ประเภทบัตรประกันสุขภาพ  บัตรประกันสังคม  กองทุนเงินทดแทนและ
สวัสดิการข้าราชการ  ข้าราชการบำนาญ  รัฐวิสาหกิจ  ประกันสุขภาพกับบริษัทประกัน  มีการช่วยเหลือจากภาครัฐ  จึงทำให้ลดค่าใช้จ่ายของประชาชน  ในค่ารักษาพยาบาลลงไปได้มาก สุขภาพเป็นสิ่งที่สำคัญแม้ว่าเราได้สวัสดิการจากภาครัฐก็จริง  แต่เราก็ควรใส่ใจเรื่องสุขภาพให้มากเพราะสุขภาพมันเกี่ยวข้องกับทุกอย่างในชีวิต ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเราเจ็บป่วยแล้วไปทำงานก็ไม่ได้ ในเมื่อไปทำงานไม่ได้แล้ว  รายได้ที่เคยได้ก็จะลดลงไปเลื่อยๆ  แต่รายจ่ายจากค่ารักษาพยาบาลอาจจะเพิ่มขึ้นตามโรคที่สวัสดิการอาจไม่คุ้มครองก็ได้
ดั้งนั้นจึงควรรักษาสุขภาพกันให้ดีด้วย  จึงได้นำกราฟแสดงถึงอัตราสวัสดิการด้านต่างๆ  มาให้ดูเพื่อเปรียบเทียบว่าในสังคมไทย  มีอัตราด้านสวัสดิการอย่างไรบ้างลองมาดูกันนะคะว่าสวัสดิการของเรานั้นตรงกับที่มีในกราฟหรือป่าว

                คนไทยเราในปัจจุบันนี้ไม่ค่อยใส่ใจเรื่องสุขภาพกันเท่าไร  จึงก่อให้เกิดปัญหาด้านสุขภาพตามมามากมาย ดังนั้น การที่เราได้รับสวัสดิการจากภาครัฐจึงช่วยในเรื่องค่าใช้จ่ายได้มาก  จากกราฟจะเห็นได้ถึงจำนวนคนที่ได้รับสวัสดิการค่ารักษาพยาบาลเป็นจำนวนที่มากพอสมควรในแถบสีน้ำเงิน การประกันสุขภาพบัตรทองในแถบสีแดง  ลองลงมาคือบัตรประกันสังคม กองทุน  ในแถบสีเขียว ข้าราชการบำนาญ รัฐวิสาหกิจ ในแถบสีม่วง ประกันสุขภาพกับบริษัทประกันในแถบสีน้ำเงิน และสวัสดิการจัดโดยนายจ้างในแถบสีส้ม นอกนั้นจะเป็นบริการด้านสวัสดิการอื่นๆ ในแถบสีฟ้า  จากข้อมูลในกราฟเราจะเห็นได้ว่า  ประชากรส่วนใหญ่จะมีสวัสดิการคุ้มครองด้านสุขภาพกันถ้วนหน้า
          จำนวนและอัตราร้อยละของประชากร จำแนกตามสถานการณ์ด้านสุขภาพในรอบ 1 เดือน (ปี 2554)
                ส่วนกราฟนี้จะเป็นกราฟที่แสดงจำนวนผู้ป่วยในรอบเวลาหนึ่งเดือน    จะเห็นได้ว่า ผู้ป่วยที่ไม่ต้องนอนพักรักษาในสถานพยาบาลจะมีจำนวนที่มาก     จึงทำให้เห็นถึงการเจ็บป่วยเล็กๆน้อยๆมีอยู่จำนวนมากสะท้อนให้เห็นว่าในสังคมไทยเรายังไม่ค่อยใสใจเรื่องสุขภาพอนามัยกันเท่าไหร่นัก  ในกราฟจะเป็นจำนวนผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย  ทั้งในเรื่องการป่วยที่ต้องนอนโรงพยาบาล   อาการป่วยที่รู้สึกไม่สบาย  โรคเรื้อรังหรือโรคประจำตัว  การไปรับบริการส่งเสริมสุขภาพ  แต่จะมีอัตราที่น้อยกว่าผู้ชายเพียงเล็กน้อยในเรื่องการได้รับอุบัติเหตุหรือถูกทำร้าย  ดังนั้นผู้หญิงเราควรใส่ใจดูแลสุขภาพให้มากกว่าผู้ชาย เช่นไปรับการตรวจสุขภาพประจำปี เข้าฟังการจัดอบรมเกี่ยวกับเรื่องปัญหาสุขภาพ   ชวนกันออกกำลังกายเป็นประจำ เพื่อสุขภาพที่แข็งแรง 

จำนวนและอัตราร้อยละของประชากร จำแนกตามสถานการณ์ด้านสุขภาพในรอบ 12 เดือน (ปี 2554)
            ส่วนกราฟนี้จะเป็นกราฟที่แสดงถึงการดูแลสุขภาพในช่องปาก   การดูแลสุขภาพฟัน เช่น  การขูดหินปูนการตรวจรักษาสุขภาพในช่องปาก  การอุดฟัน  เป็นต้น  ส่วนใหญ่แล้วปัญหาด้านสุขภาพในช่องปากที่ไปตรวจรับการรักษาจากแพทย์เฉพาะทางจะมีสูงสุดในช่วงอายุ 15 24 ปี  จะชอบไปจัดฟันมองในอีกมุมหนึ่งอาจเป้ไปตามแฟชั่น คือเห็นเพื่อนทำเลยทำตาม  แต่รายจ่ายในการจัดฟันก็ค่อนข้างที่จะสูงมากเลยทีเดียว และสวัสดิการก็ไม่ได้ช่วยเรื่องการจัดฟัน เป็นการ อายุ 5 – 14 ปีก็มีมากพอกัน  การดูแลสุขภาพในช่องปากเราควรเริ่มดูแลกันมาตั้งแต่ยังเด็กเพื่อให้มีสุขภาพช่องปากและฟันที่แข็งแรง  ส่วนเด็กในช่วง 0 – 4 ปี  จะมีปริมาณการเข้ารับการรักษาที่ต่ำกว่าคนในทุกช่วงอายุ  เราะเด็กส่วนมากยังไม่ค่อยได้บริโภคอะไรมากนักจึงไม่ค่อยมีปัญหาในช่องปาก  การดูแลรักษาคือการเข้ารับการรักษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ หรือเมื่อรู้สึกว่ามีปัญหาในช่องปากก็ให้รีบไปรับการรักษาอย่าปล่อยไว้นานจะรักษายาก
จากข้อมูลข้างบนเราก็คงจะทราบบ้างแล้ว  ถึงสวัสดิการที่เหมาะสมกับเราว่าควรจะได้รับสวัสดิการประเภทไหน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเราควรดูแลสุขภาพรางกายของเราให้ดีที่สุดเพื่อสุขภาพที่ดี เมื่อสุขภาพเราดีแล้วถึงแม้ว่าไม่มีสวัสดิการก็คงไม่ต้องคิดมากแล้ว  วิธีการดูแลสุขภาพที่ดีที่สุดคือการออกกำลังกาย  จากนั้นเราก็ต้องไปรับการตรวจเช็คร่างกายจากสถานบริการทางการแพทย์  โรงพยาบาลรัฐบาล  โรงพยาบาลเอกชน
อย่างเช่นโรงพยาบาลเอกชน ก็จะมีตรวจสุขภาพประจำปีแต่เราต้องใช้ค่าใช้จ่ายของเราเอง  ถ้าเกิดเรามีประกันชีวิตจากบริษัทก็จะเป็นประกันจ่ายให้ก็ได้  ส่วนที่ไม่ได้ไปรับการรักษาจากสถานพยาบาลก็จะใช้วิธีอื่นในการรักษา เช่น  ไปหาหมอชาวบ้าน  ที่มีความรู้ในเรื่องการใช้สมุนไพรในการรักษาเหมือนในสมัยโบราณ ไม่มีแพทย์แผนปัจจุบันให้การรักษาจะมีก็แต่ในตัวจังหวัดจึงต้องอาศัยความรู้จากหมอชาวบ้านในการรักษา  คนท้องจะคลอดบุตรก็จะใช้หมอตำแยช่วยทำคลอด เป็นภูมิปัญญาจากชาวบ้านที่ใช้ในการรักษาโรค   ต่อมาคือการที่มีหน่วยแพทย์เคลื่อนที่มาให้บริการทำให้ชาวบ้านมีความพร้อมที่จะไปรับการรักษา เหตุผลเพราะการมาให้บริการถึงในพื้นที่ สะดวกต่อการไปรับการตรวจ  คนไทยเรานั้นเวลาเจ็บป่วยเล็กๆน้อยๆก็จะละเลย บอกว่าปล่อยไว้เดี๋ยวก็หาย  หรือไม่ก็ไม่ยอมไปหาหมอเพราะการเดินทาง บางคนก็ไม่มีรถในการไปรักษา เช่นในชนบท บ้างที่ก็ไม่มีรถรบจ้างถ้าป่วยเวลากลางคืน ก็ต้องรอให้ถึงเช้าก่อนเพราะต้องรอรถรับจ้างจากหมู่บ้านอื่นผ่านมา  ทำให้โรคที่พึ่งจะเริ่มเป็นกลับกลายเป็นว่ารุนแรงขึ้น
                สุขภาพเป็นสิ่งที่สำคัญแม้ว่าเราได้สวัสดิการจากภาครัฐก็จริง  แต่เราก็ควรใส่ใจเรื่องสุขภาพให้มากเพราะสุขภาพมันเกี่ยวข้องกับทุกอย่างในชีวิต ถ้าครอบครัวของเรามีฐานะที่ดีก็ดีไป แต่ถ้าครอบครัวที่หาเช้ากินค่ำแล้วนั้นจะเป็นสิ่งที่รำบากมาก เพราะถ้าเราเป็นหัวหน้าครอบครัวแล้วด้วยยิ่งจะมีปัญหาในเรื่องการเงินของครอบครัว ครอบครัวรำบาก เนื่องจากการเจ็บป่วย  จะเห็นได้ว่าการละเลยสุขภาพจะทำให้เกิดปัญหาตามมามากมาย การดูแลสุขภาพของเราก็มีหลายวิธีนะคะ  เช่น  การกินอาหาร ควรกินอาหารให้ครบทั้งห้าหมู่ เน้นที่สุดคืออาหารเช้า เพราะเป็นอาหารมื้อแรกของวันจะช่วยให้พลังงานในการทำงาน  ช่วยลดคลอเลสเตอรอลในเส้นเลือดลดความเสี่ยงในการเป็นโรคหัวใจ เผาผลาญพลังงานให้ดีขึ้น ประโยชน์ของการกินอาหารเช้ามีมากมาย  ต่อมาคือการออกกำลังกาย จะช่วยให้ร่างกายของเราแข็งแรง มีภูมิต้านทานต่อโรค จะเห็นได้ว่าการดูแลสุขภาพของเราให้ดีจะไม่ต้องกังวลว่าเรามีสวัสดิการหรือไม่แต่จะเป็นความสบายใจที่สุขภาพดี


                                                                            อ้างอิง
          www.nmd.go.th/dhw/document/exam_2554/book_health_54.pdf
  1. www.cgd.go.th/wps/portal/CGDInfo/.../InterestingFacts

    www.dt.mahidol.ac.th/departments/community/.../dentistry.html